เจ้าตัดสินตัวเจ้าเองซิ .. พระราชาพูดกับเจ้าชายน้อย
- Admin
- Mar 27, 2017
- 1 min read

เชื่อว่าหลายคนคงได้อ่านหนังสือเรื่องเจ้าชายน้อยกันมาแล้ว แต่ถ้าไม่ได้อ่านก็ไม่เป็นไร จะขอแค่ยกบางช่วงตอนของหนังสือออกมาให้อ่านพร้อมๆ กันตรงนี้
..........
"เจ้าตัดสินตัวเจ้าเองซิ ... เป็นหน้าที่ที่ยากที่สุดล่ะ คนเราจะตัดสินตัวเองได้ยากกว่าตัดสินผู้อื่น ถ้าเจ้าตัดสินตัวเจ้าเองได้เป็นผลสำเร็จดีละก็ นับว่าเจ้าเป็นปราชญ์โดยแท้คนหนึ่งเลยทีเดียว"
..........
เป็นคำพูดของพระราชาที่พูดกับเจ้าชายน้อย ณ ดาวดวงใดดวงหนึ่งในจำนวนนับล้าน และได้รับข้อเสนอให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมที่ไม่ต้องไปนั่งเก้าอี้ตัดสินใคร เพราะบนดาวของพระราชาไม่มีประชากรอยู่เลย กรอบหน้าที่ของเจ้ากระทรวงนี้ ก็เพียงแค่ตัดสินตัวเองให้ได้
คุณว่าการตัดสินตัวเองยากไหม กฎไหนเล่าที่เราควรยึดเป็นไม้บรรทัดประจำใจ เท่าไหร่ตึงไป เท่าไหร่หย่อนไป เท่าไหร่ควรผลักให้ไปต่อ เท่าไหร่เราควรบอกว่าพอกับตัวเอง
บ่อยครั้งที่เราหลงตามใจตัวเอง แต่ก็บ่อยครั้งอีกเช่นกันที่เราออกจะใจร้ายกับตัวเองมากจนเกินไป ไม่ต้องเรื่องไหนไกลหรอก โรคภัยต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับร่างกายเราก็ล้วนมาจากความที่ไม่ตึงไปก็หย่อนไปเกือบทั้งนั้น เป็นโรคที่มาจากพฤติกรรมประจำวันเรานี่แหละ หย่อนไปเพราะตามใจปาก ตึงไปเพราะมัวแต่ทำงานจนไม่ได้ฟังร่างกายเมื่อมันต้องการพักผ่อน
พระราชากำลังบอกใบ้สิ่งที่สำคัญมากกับเจ้าชายน้อย โยคะเองก็เป็นเครื่องมือฝึกฝนให้เราตัดสินตัวเองได้เฉียบแหลมยิ่งขึ้น หากเราคิดทันมัน ตุลาการพึงฟังคำให้การของทุกฝ่าย พระราชาไม่ได้บอกเจ้าชายน้อย แต่โยคะบอกไว้ว่า ให้เราฟังร่างกายตัวเราเองให้ดี
"สังเกตความรู้สึกตัวเอง ทำเท่าที่ได้ ถ้าไม่ไหวก็ถอยออกมา อย่าฝืนร่างกายตัวเอง ให้คงอยู่ในท่าเท่าที่รู้สึกสบายและมั่นคง"
ถ้อยคำเหล่านี้เรามักจะได้ยินครูพูดอยู่เป็นประจำในชั้นเรียนโยคะ นี่แหละคือการฝึกฝน "ศิลปะแห่งการฟังร่างกายตนเอง" เพื่อให้เรานำออกมาใช้นอกชั้นเรียนด้วย ชีวิตประจำวันทำให้เราปล่อยร่างกายตัวเองไปตามตารางเวลา การทำงานและตารางนัดหมายต่างๆ กลายเป็นกำแพงกั้นระหว่างร่างกายของเรากับความรับรู้ของเรา เราไม่ได้กินเมื่อหิว เราไม่ได้นอนเมื่อเหนื่อย ความสามารถในการรับรู้ร่างกายตัวเองค่อยๆ เลือนหายไป
ในการฝึกโยคะ เรากำลังค่อยๆ ทำให้กำแพงนั้นบางลงๆ การสังเกตตัวเอง เรียนรู้ตัวเองตลอดการฝึก หลับตาเพื่อไม่ให้ใจส่ายไปเปรียบตัวเองกับเพื่อนร่วมฝึก ดึงเรากลับมาสู่ภายใน ใส่ใจสิ่งที่เกิดขึ้นภายในตัวเราเอง ไม่ส่งจิตออกนอก ทำให้เราเห็นตัวเอง ทั้งความตึงรั้ง หรือความผ่อนคลายของร่างกาย (และจิตใจด้วย) ความรู้เท่าทันนี้จะติดตัวเราไปในชีวิตประจำวันด้วย เราจะรู้เท่าทันภาวะต่างๆ ทั้งทางร่างกายและอารมณ์ และเมื่อเรารู้ทัน เราก็จัดชีวิตให้ดำเนินไปอย่างสมดุล และ "ตัดสินตัวเอง" ได้อย่างถูกต้องมากขึ้น
เพราะฉะนั้น ทุกครั้งที่ฝึกโยคะ อย่าลืมสังเกต เรียนรู้ร่างกายและจิตใจตัวเองไปด้วย แล้วเราจะเข้าใจว่าการถอยกลับออกจากท่าเมื่อไปไม่ไหวนั้น ไม่ใช่การพ่ายแพ้หรือการเดินถอยหลัง แต่เป็นความก้าวหน้าในการฝึกฝน "การฟังร่างกายตนเอง" ต่างหากเล่า
Comments